Reddin’s 3-D Model (ทฤษฎี 3 มิติของเรดดิน)
ทฤษฎี 3 มิติของเรดดิน William J. Reddin เป็นทฤษฎีที่ศึกษาเกี่ยวกับภาวะผู้นำและแบบของผู้นำทางการบริหาร ทฤษฎีนี้เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนแต่มีลักษณะความเป็นผู้นำและแบบของผู้นำอยู่ด้วยกันทั้งนั้น จะต่างกันก็เพียงแต่ว่าแบบของผู้นำแต่ละคนไม่เหมือนกันและลักษณะความเป็นผู้นำมากน้อยต่างกัน บางคนอาจยึดมั่นแบบผู้นำแบบใดแบบหนึ่งตลอดไป แต่บางคนอาจจะเปลี่ยนแบบผู้นำไปตามเวลา สถานการณ์ สิ่งแวดล้อมและตำแหน่งหน้าที่การงานที่รับผิดชอบ
วิลเลี่ยม เจ. เรดดิน (William J. Reddin) พัฒนารูปแบบตามทฤษฎีสามมิติ จากการวิจัยที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอ ( Ohio University) โดยมีสมมติฐานคล้ายกับแบบพฤติกรรมผู้นำสถาณการณ์ของ Fiedier บนพื้นฐานแนวคิดการศึกษาภาวะผู้นำของเรดดิน แบ่งออกเป็น 3 มิติ คือ
1. มิติมุ่งงานหรือกิจสัมพันธ์ (task Orientation) เป็นพฤติกรรมที่ผู้ร่วมงานหรือผู้ตามปฏิบัติอย่างได้ผล โดยผู้นำเริ่มจัดการหรืออำนวยการ
2. มิติมุ่งสัมพันธภาพหรือมิตรสัมพันธ์ (Relation Orientation) เป็นพฤติกรรมของผู้นำที่แสดงให้เห็นความเห็นอกเห็นใจ ไว้วางใจ และให้กำลังใจในการปฏิบัติงาน
3. มิติมุ่งประสิทธิผล (Effectivemess Orientation)
ทฤษฎีของเรดดินได้แบ่งภาวะผู้นำทางการบริหารออกเป็น 4 ลักษณะ พื้นฐาน คือ
1. แบบผู้ผสมผสานหรือผู้นำแบบประสาน (Intergrated) ผู้นำประเภทนี้จะให้ความสำคัญทั้งงานและคนมากเป็นพฤติกรรมที่มุ่งอยู่ที่คนและงานมาก
2. แบบมิตรสัมพันธ์หรือผู้นำแบบสัมพันธ์ (Related) ผู้นำประเภทนี้จะมีพฤติกรรมทางด้านการบริหารที่ให้ความสำคัญกับคนมากแต่ให้ความสำคัญกับงานน้อย พฤติกรรมของเขาจะมุ่งอยู่ที่การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
3. แบบผู้แยกตัวหรือผู้นำแบบปลีกตัว (Separated) ผู้นำประเภทนี้ไม่เอาทั้งคนและงาน เขาจะปลีกตัวไปจากทั้งคนและงาน
4. แบบผู้เสียสละหรือผู้นำแบบอุทิศตน (Dedicated) ผู้นำแบบนี้จะมีพฤติกรรมทางด้านการบริหารที่ให้ความสำคัญกับงานมากแต่ให้ความสำคัญกับคนน้อย
3 - D Model ของเรดดิน (Reddin) นี้ถือว่าผู้นำนั้นจะมีรูปแบบพื้นฐาน 4 แบบ และมีรูปแบบความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูง 4 แบบ กับรูปแบบความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพต่ำ 4 แบบ แต่บางคนอาจจะเปลี่ยนแบบผู้นำไปตามเวลา สถานการณ์ สิ่งแวดล้อมและตำแหน่งหน้าที่การงานที่รับผิดชอบ
แบบผู้นำที่มีประสิทธิภาพต่ำ
1. แบบผู้หนีงาน (Deserter) เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับงานและคนน้อย จะไม่มีความสนใจในงาน ไม่มีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน ขัดขวางผู้อื่น ไม่ยอมรับความผิดพลาด ไม่มีมนุษยสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานและบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก
2. แบบนักบุญ (Missionary) เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับคนมาก แต่ให้ความสำคัญกับงานน้อย มุ่งแต่เพียงสัมพันธภาพอันดี มีความเกรงใจต่อทุกคน ไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือนผู้ใด ไม่โต้แย้งหรือคัดค้าน พร้อมที่จะเปลี่ยนใจได้เสมอ
3. แบบผู้เผด็จการ (Autocrat) เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับงานมากแต่ให้ความสำคัญกับคนน้อย ใช้อำนาจในการบริหาร มุ่งงานอย่างเดี่ยวไม่คำนึงถึงอย่างอื่นไม่วางใจผู้อื่น ขาดสัมพันธภาพกับผู้ร่วมงานชอบใช้วิธีการสั่งสอนให้ผู้อื่นทำงาน
4. แบบผู้ประนีประนอม (Compromiser) เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับงานและคนมาก โดยมีลักษณะของผู้นำที่ยอมรับว่าความสำเร็จของงานและสัมพันธภาพกับผู้ร่วมงานเป็นสิ่งสำคัญ พยายามที่จะให้ได้ทั้งสองอย่าง แต่เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นนักตัดสินใจไม่ดี ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มีความเชื่อถือในตนเอง และใช้วิธีประนีประนอมอยู่ตลอดเวลา
แบบของผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูง
1. ผู้คุมกฎเกณฑ์หรือผู้ยึดระเบียบ (Bureaucrat) เป็นผู้นำที่สนใจทั้งงานและคนน้อย ให้ความสำคัญกับกฎระเบียบวิธีปฏิบัติที่วางไว้อย่างเคร่งครัดและเข้มงวด มักไม่มีความริเริ่มไม่สนใจพัฒนาผู้ร่วมงาน ผู้นำแบบนี้พบได้ในระบบราชการทั่วไป
2. ผู้สอนแนะหรือผู้นำแบบนักพัฒนา (Developer) เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับงานน้อย มีลักษณะพฤตกรรมที่เหมาะสมทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี มีความสามารถในการจูงใจผู้อื่นได้ดี สนใจพัฒนาตัวบุคคล รู้จักมอบหมายหน้าที่การงานให้ผู้ร่วมงานอย่างเหมาะสม ไม่ใช้วิธีรุนแรง มีความสุภาพ นิ่มนวล ผู้ร่วมงานมักเลื่อมใสและไว้วางใจ
3. ผู้บุกงานหรือผู้นำแบบเผด็จการอย่างมีศิลปะ (Benevolent Autocrat) เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับงานมากกับคนน้อย มีลักษณะของผู้นำที่มรความเชื่อมั่นในตนเอง จิตใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงมุ่งผลงานเป็นหลัก มีศิลปะในการปฏิบัติงาน มีทักษะและประสบการณ์ดี สามารถสั่งการโดยผู้ร่วมงานพอใจที่จะทำงานให้ เป็นแบบที่เหมาะสมสำหรับวงการอุตสาหกรรม
4. ผู้นำทีมหรือแบบนักบริหาร (Executive) เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับงานและคนมาก มีลักษณะของผู้นำที่มีความกระตือรือร้น รู้จักใช้ความสามารถของผู้ร่วมงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการทำงานเป็นทีม มีการวางมาตรฐานในการทำงาน งานมีประสิทธิผลเอาใจใส่ รับผิดชอบ มีความคิดริเริ่ม เปิดเผย ยอมรับความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานด้วยใจที่เป็นธรรม ให้กำลังใจแก่ผู้ร่วมงาน สนใจในวิชาความรู้ใหม่ๆ พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา มีผลงานดีและก้าวหน้า